วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ถั่วงอกออแกนิกส์ ถั่วงอกตัดราก No.1


สมาชิกในกลุ่ม


สมาชิกในกลุ่ม
เด็กหญิงชนัญญา   นรดี
เด็กหญิงเนตรนภา  วิชัยวงษ์
เด็กหญิงกัญจนา   เทพอินศร
เด็กชายสุริยะ     ราษี
เด็กชายอนุกูล     หลวงทวี
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5

บทคัดย่อ


                                                                                                                                    ข
บทคัดย่อ

         "ถั่วงอก" เป็นผลิตผลมาจากธัญพืช ถั่วเขียว   ใช้เวลาเพาะ และโตเต็มที่แค่   เพียง 2-3 วัน ก็สามารถนำไปขายได้  ซึ่งปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคถั่วงอกกันมาก  จากความต้องการของตลาดที่มีค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ผลิต   มีการใช้สารเคมีจำพวก สารเร่ง สารอ้วน สารฟอกขาว (โซเดียม ไฮโดรซัลไฟต์) สารคงความสด(ฟอร์มาลีน) ซึ่งสารเหล่านี้ กระทรวง สาธารณสุข ไม่อนุญาตให้ใช้ผสมในอาหาร เพราะล้วนเป็นสารที่มีพิษ ต่อร่างกายสูง หากรับประทานเข้าไป อาจมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ ระบบประสาท และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ 
         ดังนั้น  คณะผู้จัดทำโครงงาน จึงได้ศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ได้นำวิธีการเพาะถั่วงอกปลอดสาร นั่นคือ"วิธีการเพาะถั่วงอกตัดราก"มาเพาะเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริโภค โดยเน้นเรื่อง"สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ  ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น   ทำให้เกิดทักษะจากการปฏิบัติงานสามารถมีรายได้กับตนเองและครอบครัว
จากการปฏิบัติโครงงานพบว่า ถั่วงอกที่เพาะได้มี   ลำต้น  ตั้งตรงสม่ำเสมอ แข็งแรง รากยาว (ตัดรากก่อนจำหน่าย)เก็บไว้ได้นาน 5 -7 วันโดยไม่มีกลิ่น และยังคงสภาพเดิมไม่ต้องเสียเวลาเด็ดรากทิ้งก่อนนำไปปรุงอาหาร เพราะได้มีการ  ตัดรากทิ้งแล้ว มีคุณค่าทางโภชนาการสูง  รสชาติหวาน  มัน กรอบตามธรรมชาติ  และปลอดภัยต่อสุขภาพ
   




กิตติกรรมประกาศ


กิตติกรรมประกาศ

               โครงงานเรื่อง การเพาะปลูกถั่วงอก  คณะผู้จัดทำได้รับคำแนะนำจากคุณครู  วัชรพล  รุ่งเรือง   ที่ได้ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกเรื่องของเวลาและอุปกรณ์ในการจัดทำโครงงานในครั้งนี้

                 คณะผู้จัดทำ ขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ และผู้จัดทำหวังว่าโครงงานเรื่องนี้จะเป็นแนวทางในการศึกษาแก่ทุกคน






เอกสารอ้างอิง

เอกสารอ้างอิง
http://frynn.com/%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7/                            
http://th.w3dictionary.org/index.php?q=soaking



บทที่ 5

 บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา

จากการทำโครงงานการอาชีพและเทคโนโลยี  ที่เน้นกระบวนการ  สามารถสรุปผล    ได้ดังนี้

1. ได้ผลผลิตถั่วงอกที่มีสีไม่ขาวจัด  เพราะไม่มีสารฟอกขาว 
    ใหม่สด  รสชาติหวาน มัน กรอบไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับสารอาหารและสรรพคุณที่มีอยู่ในถั่วงอก และสามารถ
    แนะนำหรือเผยแผ่ความรู้ให้ผู้อื่นได้
3. ได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริงการเพาะถั่วงอกและนำไปขยายผลต่อ  ในการอธิบาย
     ขั้นตอนวิธีการเพาะถั่วงอกให้ครอบครัวหรือชุมชนได้
4. ได้เรียนรู้ระบบการทำงานเป็นกลุ่ม  การรับผิดชอบต่อหน้าที่ทั้งผู้นำและผู้ตาม

            จากโครงงานเรื่อง เพาะถั่วงอกปลอดภัย ไร้ราก  ทำให้ผู้ศึกษาได้รับประสบการณ์ มีความรู้ความเข้าใจ  และเป็นแบบอย่างที่ดีสามารถนำไปบูรณาการใช้ในชีวิตประจำวัน  มีรายได้ระหว่างเรียน  พอที่จะให้ครอบครัวพึ่งตนเองให้ได้อย่างยั่งยืน
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

            1. นำธัญพืชถั่วเขียวมาแปรรูปเป็นถั่วงอก ปลอดภัยไร้สารให้มีมูลค่าสูงขึ้น
            2. นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียนหรือหารายได้ เสริมให้กับครอบครัวได้    
       

ข้อเสนอแนะ

1.   ถ้าจะใช้น้ำประปารด ควรหาที่พักน้ำไว้ ประมาณ  7 วัน เพราะมีสารคลอรีน         
  2.   ถ้าต้องการให้ต้นถั่วงอกอวบอ้วน ให้ใช้ ถุงบรรจุน้ำหรือทราย หนักประมาณ                         2 - 3  กิโลกรัมถ่วงทับชั้นบนสุดในคืนที่ 2 และ 3        
3.   เมื่อถั่วงอกสะเด็ดน้ำแล้ว ควรรีบบรรจุลงถุงพลาสติกเพื่อไม่ให้ถั่วงอก                        โดนอากาศนานและอาจมีมีสีคล้ำไม่น่ารับประทาน 

บททีี่ 4

บทที่ 4
อภิปรายผล

             ผลการวิจัยตัวอย่างของกระทรวงสาธารณสุข ได้สำรวจโดยใช้สารตรวจสอบอาหารตามท้องตลาด พบว่า  มีสารเคมี ที่ตกค้างในถั่วงอกมากที่สุด เพราะถั่วงอกเป็นพืช ที่ดูดซับสารพิษได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น ส่วนใหญ่ตรงบริเวณรากจะพบสาร ฟอกขาวมากที่สุด  เนื่องจากธรรมชาติของถั่วงอกรากจะดำ เกษตรกรจึงมักใช้สารฟอกขาว เพื่อทำให้ถั่วงอกขาวดูน่ารับประทาน
                     คณะผู้จัดทำโครงงาน  จึงได้นำวิธีการเพาะถั่วงอกปลอดสาร นั่นคือ "วิธีการเพาะถั่วงอกตัดราก" มาทดลองเพาะและเผยแพร่สู่ชุมชน โดยเน้นเรื่อง  ความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ  โดยพบว่า
               
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของถั่วงอกไร้สารตัดรากและถั่วงอกตามท้องตลาด

ถั่วงอกไร้สารตัดราก

ถั่วงอกทั่วไป

1. ลำต้นตั้งตรงสม่ำเสมอ แข็งแรง ใหม่สด
    รากยาว (ตัดรากก่อนจำหน่าย)
1. ลำต้นอวบอิ่มหัวเล็กรากสั้นเพราะ
    ใช้ฮอร์โมนเร่งให้โตเร็ว
2. เก็บไว้ได้นาน 5 -7 วันโดยไม่มีกลิ่น
    และยังคงสภาพเดิม
2. เก็บไว้นานมีความแข็งกระด้างและ
  เมื่อเน่าเสียจะมีกลิ่นของสารที่ตกค้างอยู่
3. ไม่ต้องเสียเวลาเด็ดรากทิ้งก่อนนำไป
    ปรุงอาหาร เพราะได้มีการตัดรากทิ้งแล้ว
    ดูสวยงามไม่รุงรัง
3. ต้องเสียเวลาเด็ดรากที่รุงรังทิ้งก่อน
   นำไปประกอบอาหารเพื่อความสวยงาม
    และความเรียบร้อย
4. มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
4. มีสารพิษตกค้างสูง
5. ราคากิโลกรัมละ 20 - 25 บาท
5. ราคากิโลกรัมละ 8 -10 บาท

บทที่ 3

บทที่  3
วิธีและขั้นตอนการดำเนินการ

วัสดุและอุปกรณ์
1.เมล็ดถั่วเขียวที่มีคุณภาพดี
2. ภาชนะผิวเรียบทรงสูงตรง ถังพลาสติกหรือกะละมังพลาสติก ใช้ตะปูหรือเหล็ก
    แหลมเผาไฟ เจาะรูระบายน้ำให้มีขนาดเล็ก กว่าเมล็ดถั่วเขียวที่ก้นภาชนะประมาณ
    20-25 รู  เพื่อระบายน้ำ
3. ถุงพลาสติกสีดำ (สำหรับหุ้มปิดแสง)
4. กระสอบป่าน หรือผ้าขนหนูผืนเล็ก
5. อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ถังแช่เมล็ด ขันน้ำ ฝักบัวหรือสายยาง
6. น้ำสะอาด เช่น น้ำประปา หรือน้ำบาดาลที่พักไว้ให้ตกตะกอนและ เย็น
7. สถานที่เพาะควรเป็นที่ร่มและเย็น
วิธีการเพาะ
            1. เตรียมวัสดุสำหรับเพาะ ได้แก่ ถังพลาสติก เจาะรูระบายน้ำประมาณ 20-25 รู ตะแกรง
                พลาสติก / กระสอบป่าน  / ผ้าใบหรือผ้าพลาสติกสีเข้มสำหรับปิดทับไม่ให้แสงเข้า
            2. นำเมล็ดถั่วเขียวคัดเลือกเอาแต่ เมล็ดที่สมบูรณ์ แล้วล้างด้วยน้ำ ทำความสะอาด เทน้ำ
                ทิ้งประมาณ 2-3 ครั้ง จนกระทั่งหมดแป้ง จึงนำเมล็ด แช่น้ำอุ่นประมาณ  6 - 8 ชั่วโมง
                ( น้ำอุ่น คือน้ำ เดือด 1 ส่วน และน้ำธรรมดา  3  ส่วน )
           3. หลังจากการแช่น้ำอุ่นนาน 6-8 ชั่วโมงแล้ว นำเมล็ดมาล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง
           4. โรยเมล็ดลงบนตะแกรงพลาสติก ที่มีกระสอบป่านรองไว้ล่างสุดใน ถัง ที่เจาะรู
               ระบายน้ำ เกลี่ยบางๆ ให้เมล็ดถั่วกระจายเสมอเท่า ๆ กัน
            5. ใช้กระสอบป่านทับข้างบน
            6. รดน้ำให้ชุ่ม
            7. ปิดทับด้วยผ้าใบ หรือผ้าพลาสติกสีทึบกันแสงเป็นชั้นสุดท้าย (เปิดผ้าคลุมแล้วรดน้ำ
               ให้ชุ่มวันละ 3 ครั้ง  (เช้า เที่ยง เย็น) 
             8. ครบ 3 วัน (รดน้ำครบ 7 ครั้ง) ถั่วงอกจะโตได้ขนาด เปิดผ้าคลุมออก ยกขึ้นจากถัง
                 ทั้งตะแกรง
             9.  ใช้มีดตัดถั่วงอกบนตะแกรง ใส่ลงในกะละมังใส่น้ำสะอาด ช้อนเปลือกถั่วเขียวออก
              (เก็บไว้ทำปุ๋ยหมัก) นำขึ้นจากน้ำบรรจุถุง พร้อมจำหน่าย (กิโลกรัมละ 20 บาท โดยถั่ว
               เขียว 1 กิโลกรัม จะได้ถั่วงอก 5 กิโลกรัม)

ขั้นตอนการดำเนินการ
1.  ศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต หนังสือเส้นทางเศรษฐี
2.  เชิญวิทยากรผู้รู้จากชุมชน  สาธิต  ทดลองทำ  และขอคำแนะนำ
3.   วิเคราะห์ทางเลือก  สร้างทางเลือกหาจุดเด่น  จุดด้อยของโครงงาน  ปฏิบัติงาน
    ตามขั้นตอน  ประเมินผลเป็นระยะ  ปรับปรุงงานให้เป็นที่พึงพอใจ
4.   คณะผู้จัดทำโครงงานร่วมกันทำงานและรวบรวมผลงาน เพื่อรายงานโครงงาน
     เป็นรูปเล่ม

ระยะเวลาดำเนินการ
             ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557





บทที่ 2

บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ถั่วเขียว       ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : ถั่วมุม (ภาคเหนือ), ถั่วจิม (เชียงใหม่), ถั่วดำ, ถั่วเขียว,  
 ถั่วทอง (ไทย-ภาคกลาง)                                                                                                                                                                    
ชื่อสามัญ : Mung bean, Mungo, Mongo bean,
 Green bean                                                                                                                  
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phaseolus aureus Roxb.                                                                                                                            
 วงศ์ : PAPILIONACEAE                                                                                                  
ลักษณะทั่วไปของสมุนไพร : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุกเนื้ออ่อน และจะมีอายุนานเพียงไม่เกิน 1 ปี ลำต้นจะมีขนเป็นสีน้ำตาล และจะแตกกิ่งก้านสาขา                                                          
ใบ : เป็นใบรวมประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 3 ใบ ฐานใบนั้นจะกว้างตรงปลายใบและแหลม
ดอก : ดอกนั้นจะเป็นสีเหลือง                                                                                               
 เมล็ด (ผล) : ผลนั้นจะออกเป็นฝักและมีขนเป็นสีน้ำตาลอยู่ทั่วฝัก ฝักจะมีความยาวประมาณ    6-10 ซม. ส่วนเมล็ดถั่วเขียวจะมีสีแตกต่างกัน จะเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองก็ได้ สีเหลืองก็คือถั่วทองที่เราเรียกกันนั้นเอง                                                                                                            
การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด                                                                                        
ส่วนที่ใช้ : เมล็ด ใช้เป็นยา                                                                                                        
 ถั่วเขียว ภาษาอังกฤษ Mung Bean, Mung, Moong bean, Green Bean, Green Gram, Golden Gram (กรณีที่เยื่อหุ้มเมล็ดเป็นสีเหลือง) ถั่วเขียว ชื่อวิทยาศาสตร์ Vigna radiata (L.) R. Wilcz. จัดอยู่ในวงศ์ FABACEAE เช่นเดียวกับถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วพู และถั่วฝักยาว[1],[2],[4] และถั่วเขียวยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกเช่น ถั่วจิม (เชียงใหม่), ถั่วมุม (ภาคเหนือ), ถั่วเขียว ถั่วทอง (ภาคกลาง) เป็นต้น [8],[10]
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ถั่วเขียวมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย และในเอเชียกลาง เนื่องจากพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีการปลูกถั่วเขียวในแคว้นมัธยประเทศ ในประเทศอินเดียมากว่า 4,000 ปีแล้ว และยังปลูกแพร่หลายในพม่า ไทย ศรีลังกา ปากีสถาน อิหร่าน จีน และในภาพตะวันออกของอดีตสหภาพโซเวียต แต่การศึกษาของนักวิจัยในประเทศไทย พบหลักฐานทางโบราณคดีที่ระบุว่าถั่วเขียวมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยโดยพบในถ้ำผี จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในสมัยหินกลางมีอายุราว 10,000 ปี[4]
การปลูกถั่วเขียวนั้นมีมาเนิ่นนานแล้ว การเก็บเมล็ดถั่วเขียว ที่นิยมก็คือเก็บมาทั้งฝักด้วยมือ แล้วนำมาตากแห้ง จากนั้นจึงสีเอาเมล็ดออกจากฝักด้วยเครื่องหรือใช้วิธีการเขย่าผ่านรูตะแกรง โดยเมล็ดนอกจากจะมาปรุงอาหารแล้ว ที่นิยมกันมากก็คือ การนำมาเพาะเป็นถั่วงอก[2]

ลักษณะของถั่วเขียว


·         ต้นถั่วเขียว จัดเป็นพืชล้มลุกมีอายุราวหนึ่งปี มีลำต้นตั้งตรงเป็นพุ่ม มีความสูงประมาณ 30-120 เซนติเมตรลำต้นแตกแขนงที่บริเวณโคนและส่วนกลาง แต่มักไม่แตกแขนงที่ข้อใบเลี้ยง และข้อใบจริงคู่แรก สำหรับบางพันธุ์ก็มีลำต้นเลื้อยหรือกึ่งเลื้อย ส่วนลำต้นที่อยู่เหนือใบเลี้ยง ลักษณะค่อนข้างเป็นเหลี่ยมและมีขนอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วไป โดยถั่วเขียวเป็นพืชอายุสั้นประมาณ 65-70 วัน สามารถปลูกได้ตลอดปี ใช้น้ำน้อย และทนแล้งได้ดี[4]


·         ใบถั่วเขียว ใบจริงคู่แรกเป็นใบเดี่ยวเกิดอยู่ตรงข้ามกัน ถัดขึ้นไปทั้งหมดเป็นใบจริงประกอบด้วย ใบย่อย 3 ใบ เกิดแบบสลับอยู่บนลำต้น ที่ฐานของก้านใบมีหูใบอยู่ 2 อัน ก้านใบย่อยจะสั้น ใบย่อยและใบกลางมีหูใบย่อย 2 อัน ส่วนใบย่อยด้านข้าง 2 ใบ จะมีหูใบย่อยอยู่ข้างละอัน ลักษณะของใบคล้ายรูปไข่ถึงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนาดประมาณ 5-18 x 4-15 เซนติเมตร และใบมีขนปกคลุมอยู่ทั่วไป[2]

ใบถั่วเขียว



·         ดอกถั่วเขียว ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกจะเกิดตามมุมใบที่อยู่ตอนบนของลำต้นและที่ปลายยอดของลำต้นหรือกิ่งก้าน ก้านช่อดอกอาจยาวได้ถึง 20 เซนติเมตร ช่อดอกเป็นช่อดอกแบบกระจะมีดอกย่อยอยู่หนาแน่น ในช่อหนึ่งๆ จะมีดอกย่อยอยู่ 2-25 ดอก กลีบดอกเป็นสีเหลือง หรือสีขาว หรือสีม่วง มีกลีบ 5 กลีบ ประกอบด้วยกลีบใหญ่ 1 กลีบ กลีบข้าง 2 กลีบ กลีบหุ้มเกสร 2 กลีบ โดยดอกที่บานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร เกสรตัวเมียมีรังไข่ ลักษณะยาวรี โดยรังไข่หนึ่งๆ จะมีออวุลอยู่ประมาณ 10-15 หน่วย ส่วนเกสรตัวผู้มีอยู่ 10 อัน[4]


ดอกถั่วเขียว



·         เมล็ดถั่วเขียว ตาเมล็ดหรือรอยแผลเป็นทางด้านเว้าของเมล็ดถั่วเขียวเรียกไฮลัม (Hilum) ซึ่งมีสีขาว และสีเยื่อหุ้มเมล็ดมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีเขียว เหลือง น้ำตาล ดำ หรือแดง ส่วนผิวของเมล็ดอาจจะมันหรือด้านก็ได้ โดยเมล็ด 100 เมล็ดจะมีน้ำหนักประมาณ 2-8 กรัม[4]

รูปฝักถั่วเขียว

สรรพคุณของถั่วเขียว

1.            โพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง[4]
2.            ถั่วเขียวมีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง[5]
3.            ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด[3],[5],[7],[10]
4.            ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน และกาดหดตัวข้องกล้ามเนื้อ[5]
5.            ช่วยลดความดันโลหิต[3]
6.            ช่วยทำให้เจริญอาหาร[3]
7.            ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักได้ เพราะถั่วเขียวมีส่วนประกอบของไขมันที่ต่ำมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับเส้นใยอาหาร[5]
8.            ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ[5]
9.            ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของหัวใจและม้าม[6]
10.    ถั่วเขียวอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย[5]
11.    ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวานได้[3],[5]
12.    ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย[4],[5]
13.    ช่วยขับร้อน แก้อาการร้อนใน และช่วยแก้พิษในฤดูร้อน[3],[7]
14.    ถั่วเขียวมีประโยชน์ต่อลำคอและผิวหนัง และยังช่วยแก้อาการกระหายน้ำได้อีกด้วย[3],[9]
15.    เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มกับเกลือ ใช้อมเพื่อรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้[7]
16.    ช่วยถอนพิษในร่างกาย[3]
17.    ช่วยกระตุ้นประสาท[3] ถั่วเขียวเป็นแหล่งสำคัญของธาตุโบรอน (Boron) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกระแสประสาทของสมอง ทำให้ช่วยสมองทำงานได้ฉับไวมากขึ้น[5] และยังอุดมไปด้วยฟอสฟอสรัส ที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและสมอง[4]
18.    ช่วยบำรุงสายตา[3] ทำให้ตาสว่าง และรักษาตาอักเสบ (เปลือกสีเขียว)[9] ช่วยแก้อาการตาพร่า ตาอักเสบ ด้วยการรับประทานถั่วเขียวต้มครั้งละ 15-20 กรัมเป็นประจำ[9]
19.    ช่วยรักษาคางทูมที่เป็นใหม่ๆ ด้วยการต้มถั่วเขียว 70 กรัมจนใกล้สุก แล้วใส่แกนกะหล่ำปลีลงไป / หัวต้มอีก 15 นาที กินเฉพาะน้ำวันละ ครั้ง[9]
20.    ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการดื่มเหล้า ด้วยการดื่มน้ำถั่วเขียวพอประมาณ[9]
21.    ช่วยขับของเหลวในร่างกาย[3]
22.    ในถั่วเขียวอุดมไปด้วยเส้นใยที่สามารถละลายน้ำได้ดี จึงช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ[5]
23.    ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี2 ที่ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอกได้[5]
24.    ถั่วเขียวมีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังส่งผลดีต่อระบบลำไส้โดยรวมอีกด้วย[5]
25.    เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มแล้วกินใช้เป็นยาขับปัสสาวะ[6],[8],[9]
26.    ช่วยแก้ลำไส้อักเสบ[3]
27.    ช่วยบำรุงตับ[5],[6]
28.    ช่วยแก้อาการไตอักเสบ[3]
29.    ช่วยแก้ผดผื่นคัน[3]
30.    ช่วยลดบวม[6]
31.    ช่วยรักษาโรคข้อต่างๆ แก้ขัดข้อ[7],[10]
32.    ช่วยรักษาฝี ด้วยการใช้ถั่วเขียวดิบหรือต้มสุก นำมาใช้ตำแล้วพอกเป็นยารักษาภายนอกช่วยในการบ่มหนองให้ฝีกสุก และยังใช้รักษาอาการอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น แก้ท้องร่วง การคลอดบุตรยาก และโรคท้องมาน[8],[9]
33.    นำมาใช้ตำพอกแผล[7]
34.    ช่วยแก้พิษจากพืช พิษจากสารหนู และพิษอื่นๆ[3],[6]
35.    ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี1 ที่ช่วยในการป้องกันโรคเหน็บชาได้เป็นอย่างดี[5],[7]
36.    ถั่วเขียวอุดมไปด้วยโฟเลทสูง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วยป้องกันการพิการแต่กำเนิดของทารกได้[5]
นิยามศัพท์เฉพาะ

การแช่น้ำ (soaking)

หมายถึง  การแช่ในน้ำเย็นหรือน้ำร้อนก่อนนำไปหุงต้มมีความสำคัญ เพราะช่วยให้    เยื่อหุ้มเมล็ดถั่วนิ่มและถั่วสุกได้ง่ายขึ้น ลดเวลาและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการทำให้ถั่วสุกได้มาก ระยะเวลาการแช่ขึ้นกับชนิดของถั่ว ความเก่าใหม่ของถั่ว โดยปกติมักแช่ค้างคืน (6 - 18 ชั่วโมง) หรือถ้าใช้น้ำร้อนก็ใช้เวลาลดลงได้ การแช่นานและทิ้งน้ำที่ใช้แช่ไปจะ ทำให้สูญเสียสารอาหารต่าง ๆ ที่ละลายน้ำ เช่น น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ จึงควรนำน้ำ ที่แช่ถั่วมาบริโภคด้วย

การงอก (sprouting หรือ germination)

หมายถึง  ภายหลังจากแช่น้ำเมล็ดถั่วให้นิ่มแล้ว ถ้าเก็บในที่ที่มีความชื้นมากและอุณหภูมิพอเหมาะ ถั่วจะงอก ภายในเมล็ดจะมีการเปลี่ยนแปลงสารอาหารต่างๆที่เก็บสะสมไว้ เช่น การสลายแป้ง โปรตีน ไขมัน ฯลฯ และมีการสังเคราะห์วิตามินหลายชนิดเพิ่มขึ้น เช่น วิตามินซี ไรโบเฟลวิน วิตามินบีหนึ่ง วิตามินอี กรดแพนโทธีนิก ดังนั้นการบริโภคถั่วงอกจากถั่วเขียวหรือถั่วงอกหัวโตจากถั่วเหลือง จะได้รับสารอาหารต่าง ๆ คล้ายการบริโภคผัก
 ,